ข่าวประชาสัมพันธ์กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง การป้องกันและแก้ไขปัญหาจากฝุ่นควันและฝุ่นละอองจากกการเผา
และความรู้เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการเผาในที่โล่ง
เนื่องด้วยรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ความสาคัญกับสถานการณ์ปัญหามลพิษทางอากาศจากปริมาณฝุ่นละอองที่สูงเกินมาตรฐานอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ทั่วประเทศที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายนของทุกปี ซึ่งมีหย่อมความกดอากาศสูง สภาพอากาศปิด และเข้าสู่ช่วงฤดูแล้ง ส่งผลต่อการหมุนเวียนและการกระจายตัวของอากาศ ทาให้มลพิษจากฝุ่นละอองเกิดการสะสมในอากาศปกคลุมพื้นที่ต่างๆ โดยหนึ่งในสาเหตุสาคัญของปัญหาฝุ่นละอองดังกล่าวเกิดจากการเผาในที่โล่งและพื้นที่เกษตร ทั้งการเผาขยะ เผาเศษใบไม้ วัชพืช และเผาเพื่อเตรียมพื้นที่สาหรับทาการเกษตร ซึ่งเป็นการกระทาผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นเพื่อเป็นการลดภาวะมลพิษทางอากาศและลดภาวะโลกร้อน กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม องค์การบริหารส่วนตาบลจอหอ จึงใคร่ขอความร่วมมือประชาชนในเขตพื้นที่องค์การบริหารส่วนตาบลจอหอทุกท่านได้ถือปฏิบัติดังนี้
1. ห้ามมิให้กระทาการใดๆ อันเป็นเหตุให้เกิดกลิ่น แสง รังสี เสียง ความร้อน สิ่งมีพิษ ความสั่นสะเทือน ฝุ่นละออง เขม่า เถ้าหรือกรณีอื่นใด จนเป็นเหตุให้เสื่อมหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
2. ห้ามมิให้ทาการเผากลางแจ้งทุกประเภท หรือก่อให้เกิดฝุ่นควัน เช่น การเผาขยะมูลฝอย การเผาใบไม้ การเผาเศษหญ้า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในปัจจุบัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อาศัยในบริเวณใกล้เคียงและผู้ที่ต้องประสบเหตุนั้น ทั้งในด้านอันตรายต่อสุขภาพหรืออาจก่อให้เกิดไฟไหม้ลุกลามได้
ข้อควรรู้ด้านกฎหมายเกี่ยวกับการเผาในที่โล่ง หรือสิ่งอื่นๆ ในที่ดินของตนเอง
1. หากการเผาหญ้าหรือขยะ หรือสิ่งอื่นใดในที่ดินของตนเองนั้น ยังไม่รุนแรง
ถึงขั้นที่อาจจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของบุคคลอื่น แต่ก่อให้เกิด กลิ่น
แสง สี เสียง รังสี ความร้อน สิ่งมีพิษ ความสั่นสะเทือน ฝุ่น ละออง เขม่า เถ้า จน
เป็นเหตุให้เสื่อมหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แก่ผู้ที่อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียง เช่น มี
ฝุ่นควันลอยและเศษขี้เถ้าไปเข้าไปเข้าบ้านใกล้เรือนเคียงเป็นจานวนมาก ทาให้ผู้ที่
อยู่อาศัยในบ้านได้รับความเดือดร้อนราคาญ เช่นนี้ กฎหมายได้กาหนดให้เจ้า
พนักงานท้องถิ่นมีอานาจสั่งห้ามเป็นหนังสือให้ผู้เจ้าของที่ดินผู้เผาหยุดกระทาการ
ดังกล่าวได้ และยังสามารถกาหนดวิธีการเพื่อป้องกันเหตุราคาญที่อาจเกิดขึ้นใน
อนาคต เช่นห้ามมิให้ทาการเผาอีกต่อไป และหากเจ้าของที่ดินผู้เผายังฝ่าฝืนคาสั่ง
ของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ก็จะมีความผิดโดยมีโทษจาคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับ
ไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.
2535 (ฉบับที่ ๓) แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา 25 ,26,27,28 และมาตรา
74 )
2. หากการเผามีความรุนแรงถึงขั้นที่ “น่าจะ” เป็นอันตรายแก่บุคคลหรือ
ทรัพย์สินของบุคคลอื่น เช่น จุดไฟแล้วไม่ดูแล ปล่อยให้ไฟลุกลามจนเพื่อนบ้านต้อง
เรียกรถดับเพลิงมาดับไฟ เพราะไฟใกล้จะไหม้ถึงบ้านเพื่อนบ้าน ผู้เผาจะมี
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 220 ซึ่งมีโทษจาคุกไม่เกิน 7 ปี
และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
3. หากลักษณะการเผา ผู้กระทาย่อมเล็งเห็นผลได้อยู่แล้วว่า ลักษณะการจุด
ไฟเผาของตนอาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์สินของบุคคลอื่นได้อย่างแน่นอน เช่น
จุดไฟในลักษณะที่ใกล้เคียงกับบ้านหรือทรัพย์สินของคนอื่นอย่างมาก ในช่วงที่ลม
แรง เช่นนี้ผู้กระทาผิดย่อมมีความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่นโดยเจตนา
เล็งเห็นผล ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 217 แล้วแต่กรณี ต้องระวาง
โทษ 6 เดือนถึง 7 ปีและปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท มาตรา
218 ซึ่งมีอัตราโทษจาคุกขั้นสูงถึงประหารชีวิต
ด้วยความปรารถนาดีจาก...กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
องค์การบริหารส่วนตาบลจอหอ
|